“โรคกรดไหลย้อน” เป็นอีกหนึ่งโรคฮิตของคนกลุ่มวัยทำงาน เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป กิจวัตรทุกอย่างทำด้วยความเร่งรีบ
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นส่งผลต่อร่างกายของคุณโดยตรง และเจ้าโรคกรดไหลย้อนนี้ แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สร้างความทรมานให้คนที่ป่วยได้ไม่น้อย ซ้ำยังส่งผลกระทบไปถึงกิจวัตรอื่นๆ ของคุณอีกด้วย วันนี้เราจึงมีความรู้เบื้องต้นที่น่าสนใจของโรคนี้มานำเสนอ เพื่อหาวิธีป้องกันและวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
“กรดไหลย้อน” เกิดจาก
โรคกรดไหลย้อนหรือ “เกิร์ด” (Gastro-Esophageal Reflux Disease / GERD) เกิดจาก หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างที่ปกติจะคลายตัวขณะที่มีการกลืนอาหาร เพื่อให้อาหารผ่านลงสู่กระเพาะอาหาร และหดตัวปิดทันทีเพื่อไม่ให้อาหารและกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร เกิดทำงานบกพร่อง จึงทำให้เกิดการไหลย้อนของน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหาร ซึ่งพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการนี้นั่นก็คือ การกินแล้วนอนในทันที
อาการ “กรดไหลย้อน”
- รู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ กลางหน้าอก ซึ่งมักเกิดหลังกินอาหารเสร็จใหม่ๆ
- รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปากและคอ
- จุกเสียด แน่นท้อง บริเวณลินปี่
- มีอาหารย้อนขึ้นมาในปากและคอ
- อาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย
ข้อควรปฏิบัติเลี่ยง “กรดไหลย้อน”
- เดินเล่นหรือทำกิจกรรมอื่นเพื่อให้อาหารย่อย ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วจึงค่อยนอน
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด เช่น แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า เป้นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยากหรือใช้เวลาในการย่อยนาน
- หากมีความจำเป็นและจำกัดในเรื่องของเวลาแนะนำให้ทานเมนูที่ไม่หนักท้องมาก แต่ให้ความอิ่ม เช่น สลัดผัก น้ำเต้าหู้ โยเกิร์ต เป็นต้น
ทั้งนี้ หลายๆ โรคที่ทุกคนป่วยกันนั้น ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันหรือการปฏิบัติตัวทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สมดุลจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งการทำงาน การกินอาหาร และการนอน สุดท้ายอย่าลืมแบ่งเวลาไว้ให้การออกกำลังกายกันด้วย เท่านี้รับรองได้ว่าคุณจะห่างไกลโรคอย่างแน่นอน
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า